ไทยแลนด์ 4.0 จะเดินหน้าอย่างไร ?
……ผมอ่านเอกสาร Thailand 4.0 ที่นำเสนอในโอกาสการบรรยายของท่าน สุวิทย์ รองนายก ฯ ในคราวเยี่ยมเยือน มอ. ตามคำเชิญ ในวาระที่จะให้ มอ. และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันไปสู่เป้าหมายไทยแลนด์ 4.0
….ในเอกสารนี้ มีคำหลักๆ คำซ้ำ หลาย ๆ คำ อาทิ เช่น
…
-Digital
-สังคมสมดุล
-แข็งแรงจากภายใน
-นวัตกรรม
-อัจฉริยะ
…
**************************
พร้อมกันนี้ผมได้ตัดตอนแผนภาพที่เป็นสไลด์ออกมาเพื่อให้เห็นแนวคิด ของท่านรัฐบาล และนำเสนอในไว้ในโพสต์ก่อนหน้า
***************************
ผมพยายามมองหา Action Plan ที่แปลว่ารัฐบาลจะทำอะไรบ้างนั้น ก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดเจน ก็ตามสไตล์เดิมๆ ครับ เอาละก็พอมีอยู่บ้าง แต่ก็คงจะกินเวลาอีกหลายปีหลายสมัย และกว่าจะสำเร็จ ก็น่าจะมีคนคิดคำใหม่ ๆ เท่ห์กันออกมาอีกหลายคำ
ในฐานะคนไอที จะขอตัดตอนเรื่อง “ไอทีดิจิตอล” ที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากในรอบไม่กี่วันมานี้ ไหนจะคำว่า AI ก็อีกคำหนึ่ง มาว่าดังนี้
………………..
เมืองไทย เป็นประเทศ “ไอทีบริโภคนิยม” คือ เดินตามหลังเขา เรียนแบบภาษาเขา อะไรมาใหม่ก็บริโภคเข้าไป เปลี่ยนตลอด ไม่ค่อยจะได้กินได้ย่อย และไม่ตกผลึกให้ได้ซะทีว่าจะเลือกอะไรมาต่อยอดให้เป็น “นวัตกรรม” ซะที
เก่งที่สุดเราก็จะแค่คิดกันเรื่อง Solutions หรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าบางอย่าง เช่น ผลิตรถไฟฟ้าได้ เราก็จะเฮโลกันทีนึง มีการผลิตรถใช้น้ำ ใช้ไฮโดรเจนได้ก็เฮกันทีนึงว่าพลังงานสะอาด แต่หาทราบไม่ว่า ไอ้เจ้า ไฮโดรเจนนั้นผลิตได้มากที่สุดจากไหน ก็จากปิโตรเลียมงัยครับ
แต่กลับไม่เข้าใจคำว่า นวัตกรรม หรือ Innovation ที่ว่ามันควรจะหมายถึงอะไร ๆ ที่มันพิลึกกึกกือและมีประโยชน์ต่อสังคม
กลับมาที่ เรื่องไอที กันต่อ สงสัยกันมั้ยครับ Google และ Facebook ทำไมถึงประสบความสำเร็จมากมาย
Facebook ทราบจากจริตคนว่า ชอบให้คนยกนิ้วให้ ชอบให้มีคนชื่นชม ชอบแชร์สถานะตัวเอง แค่นี่แหละครับที่นายมาร์กคิดขึ้นมาได้ ที่เหลือก็ไปหาทีมงานมาเขียนโปรแกรมขึ้นมา และก็ไม่เห็นมีใครถามหาว่านายมาร์คใช้ภาษาลิงอะไรในการเขียน ออกมาจนเป็น Facebook ที่ติดกันงอมหัวปักหัวปำ อันนี้จะเรียกว่า นวัตกรรมนิ้วโป้งก็ได้
และเช่นกันที่ Google วางแผนการมานานอย่างลึกซึ้ง ให้ผู้คนได้ใช้อีเมล์ ใช้ไดร์กฟรีกันจนติดงอมแงม ไหนจะแผนที่ ไหนจะ Search engine นี่คือวิสัยทัศน์้เต็ม ๆ ที่ Google ไม่ได้ฟันกำไรตั้งแต่การเริ่มธุรกิจในวันแรก แต่ยอมลงทุนและมองการไกลล้วน ๆ ที่ตอนนี้ไม่มีอะไรฟรีอีกแล้ว เริ่มคิดเงินค่าบริการกันแล้ว หนีออกมั้ยละครับ หนีไม่ออก จนกูเกิลจะครองโลกแล้ว อันนี้จะเรียกว่า นวัตกรรม กูผู้สู่รู้ ก็ได้
และก็ไม่มีใครถามอีกเช่นกันว่า กูเกิล ใช้ภาษาอะไรเขียน Search Engine หรือใช้อะไรทำอีเมล์ แต่ก็เห็นใช้กันไปทั่วโลก
ก้าวต่อไป นายมาร์ก กับกูเกิลคงจะครองโลกจริง ๆ ด้วยนวัตกรรม แว่นตามหาประลัย กูเกิลก็ส่งของด้วยโดรนด้วยเทคโนโลยี่ gps
จะมีคนไทยซักคนไหม ที่ลงทุนทุ่มเทศึกษาด้านเทคโนโลยี แล้วคิดสร้างระบบบ้า ๆ บอ ๆ อะไรออกมาซักอัน แล้วเรียกว่า แพลตฟอร์ม (Platform) ประเภท Middleware และหากสิ่งนั้นสามารถนำมาขยายเป็นการสร้างระบบงาน การบริหารของหน่วยงานต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้ กลายเป็น จังหวัด 4.0 กองทัพ 4.0 กระทรวง 4.0 ไปจนเป็นไทยแลนด์ 4.0 ละ พวกเราจะว่างัย
และที่สำคัญ หากกระบวนการการสร้าง อะไร ๆ 4.0 ทั้งหลายนั้นดันมีคนไทย มีนักพัฒนาจำนวนมากทำงานร่วมกันเป็นกำลังสำคัญ ผลิตผลงานและชิ้นส่วนซอฟท์แวร์จนเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้อย่างมหาศาลละ คราวนี้แหละจะเรียกว่าเป็นการเข้มแข็งจากภายในหรือยัง ? หรือ เป็นนวัตกรรมหรือยัง ? การมีความเป็นอยู่ร่วมกันที่ดีเท่าเทียม นี่คือการสร้างสังคมสมดุลหรือยัง ?
ผมขอโอกาสนี้แนะนำทุกท่านให้รู้จักกับผลงานบ้า ๆ บอ ๆ ที่ชื่อว่า Samong.Thailand ที่ช่างบังเอิญเหลือเกินว่ากรอบความคิดและแนวทางของมันคล้ายกันมากกับไทยแลนด์ 4.0 ของทีมงานนายกตู่สวาท
แต่ Samong.Thailand ได้บ่มเพาะมาเป็นเวลากว่า 20 ปี และ
ผมโชคดีมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนระบบ Server เพื่อการก้าวกระโดดของการพัฒนาในครั้งนี้
ขณะนี้ เราพัฒนาระบบงานจริงออกมาเป็นต้นแบบจำนวนมาก จำนวนหนึ่งได้เป็นการใช้งานจริงในสถาบันวิจัย ในภาคธุรกิจ และได้เผยแพร่ โครงการบางส่วนออกไปบ้างแล้ว ในนาม Samongthailand.com และในเฟสบุค และ Youtube
Samong.Thailand จะเติบโตเป็นระบบอัจฉริยะสำคัญของไทยและของโลกในไม่ช้านี้
พร้อมกันนี้ ใคร่ขอเชิญติดตามผลงานของพวกเราได้ที่https://samongthailand.com
4992total visits,1visits today